Tuesday 14 September 2010

วันที่14

อิสยาห์ 15:1-18:7

1ครุวาทเกี่ยวกับ โมอับ
  เพราะนครอาร์ถูกทำลายร้างในคืนเดียว
 โมอับได้ถึงหายนะ
  เพราะนครคีร์ถูกทำลายร้างในคืนเดียว
 โมอับได้ถึงหายนะ
 2บายิทและดีโบนได้ขึ้นไป
 ยังปูชนียสถานสูงเพื่อจะร่ำไห้
  โมอับคร่ำครวญ
 ถึง(,) เนโบและถึง(หรือ  บน) เมเดบา
  ศีรษะทุกศีรษะก็โล้น
 และหนวดเคราทุกคนก็ถูกขลิบ
 3เขาคาดผ้ากระสอบอยู่ในถนนหนทาง
 ทุกคนร่ำไห้เป็นนักหนา
 ที่บนหลังคาเรือนและตามลานเมือง
 4เมืองเฮชโบนและเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง
 เสียงของเขาได้ยินไปถึงเมืองยาฮาส
  เพราะฉะนั้น   ชายที่ถืออาวุธของโมอับ   จึงร้องเสียงดัง
 จิตใจของเขาสั่นสะเทือน
 5จิตใจของข้าพเจ้าร้องออกมาเพื่อโมอับ
 ผู้หลบภัยของโมอับนั้นหนีไปยังโศอาร์
 ไปยังเอกลัทเชลีชิยาห์
  เพราะตามทางขึ้นไปเมืองลูฮีท
 เขาขึ้นไปคร่ำครวญ
  ตามถนนสู่เมืองโฮโรนาอิม
 เขาเปล่งเสียงร้องถึงการทำลาย
 6ธารน้ำที่นิมริมก็ถูกทิ้งร้าง
  หญ้าก็เหี่ยวแห้ง  และหญ้าอ่อนก็ไม่งอก
 ผักสดไม่มีเลย
 7เพราะฉะนั้น   ส่วนที่เหลือซึ่งเขาเก็บได้
 และที่เขาสะสมไว้
  เขาขนเอาไป
 ข้ามลำธารต้นไค้
 8เพราะเสียงร้องได้กระจายไป
 ทั่วแผ่นดินโมอับ
  เสียงคร่ำครวญไปถึงเอกลาอิม
 เสียงคร่ำครวญไปถึงเบเออร์เอลิม
 9เพราะน้ำของเมืองดีโมนมีเลือดเต็มไปหมด
 ถึงกระนั้นเรายังจะเพิ่มภัยแก่ดีโมนอีก
  คือให้สิงห์สำหรับชาวโมอับที่หนีไป
 และสำหรับคนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน


บทที่  16

1เขาได้ส่งลูกแกะไปยังผู้ปกครองแผ่นดิน
  จากเส-ลาตามทางถิ่นทุรกันดาร
  ไปยังภูเขาแห่งธิดาของศิโยน
 2เหมือนนกที่กำลังบินหนี
  อย่างลูกนกที่พลัดรัง
  ธิดาของโมอับเป็นอย่างนั้น
  ตรงท่าลุยข้ามแม่น้ำอารโนน
 3“จงให้คำปรึกษา
  จงอำนวยความยุติธรรม
  จงทำร่มเงาของท่านเหมือนกลางคืน
  ณ  เวลาเที่ยงวัน
  จงช่วยซ่อนผู้ถูกขับไล่
  อย่าได้หักหลังผู้ลี้ภัย
 4ให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับอาศัยอยู่
ท่ามกลางท่าน
  จงเป็นที่กำบังภัยแก่เขาให้พ้นจากผู้ทำลาย
  เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับแล้ว
  และการทำลายได้หยุดยั้งแล้ว
  และเมื่อผู้เหยียบย่ำไว้
  ได้หายตัวไปจากแผ่นดินแล้ว
 5พระที่นั่งก็ได้รับการสถาปนาด้วยความรักมั่นคง
  บนนั้นจะมีผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
  ในเต็นท์ของดาวิด
  คือท่านผู้พิพากษาและแสวงความยุติธรรม
  และรวดเร็วในการกระทำความชอบธรรม”
 6เราได้ยินถึงความเย่อหยิ่งของโมอับ
  ว่าเขาหยิ่งเสียจริงๆ
  ถึงความจองหองของเขา   ความเย่อหยิ่งของเขา   และความทะลึ่งของเขา
  การโอ้อวดของเขาเป็นการเท็จ
 7เพราะฉะนั้น  โมอับจะคร่ำครวญเพื่อโมอับ   ทุกคนจะคร่ำครวญ
  เจ้าทั้งหลายจะโอดครวญ  ด้วยทุกข์เทวษ
  เนื่องด้วยขนมองุ่นแห้งของเมืองคีร์หะเรเชท
 8เพราะทุ่งนาแห่งเมืองเฮชโบนอ่อนระทวย
  ทั้งเถาองุ่นของสิบมาห์
  เจ้านายทั้งหลายแห่งบรรดาประชาชาติ
  ได้ตีกิ่งของมันลง
  ซึ่งไปถึงเมืองยาอะเศร
  และเจิ่นไปถึงถิ่นทุรกันดาร
  หน่อของมันก็แตกกว้างออกไป
  และผ่านข้ามทะเลไป
 9เพราะฉะนั้น  ข้าพเจ้าจึงร้องไห้กับคนร้องไห้ของเมืองยาเซอร์
  เนื่องด้วยเถาองุ่นของสิบมาห์
  เฮชโบน  และเอเลอาเลห์เอ๋ย
  ข้าพเจ้าจะราดเจ้าด้วยน้ำตาของข้าพเจ้า
  เพราะเสียงโห่ร้องของสงครามได้มาถึง
  ผลฤดูร้อนของเจ้าและถึงข้าวที่เกี่ยวเก็บของเจ้าแล้ว
 10เขาเอาความชื่นบาน  และความยินดี
ไปเสีย
  จากที่สวนผลไม้
  เขาไม่ร้องเพลงกันตามสวนองุ่น
  ไม่มีใครโห่ร้อง
  ตามบ่อย่ำองุ่นไม่มีคนย่ำให้เหล้าองุ่นออก
  เสียงเห่ย่ำองุ่นเงียบเสียแล้ว
 11ฉะนั้น  จิตของข้าพเจ้าจึงร่ำไห้เหมือนพิณเขาคู่เพื่อโมอับ
  และใจของข้าพเจ้าร่ำไห้เพื่อคีร์เฮเรส
 12และเมื่อโมอับไปเฝ้า   เมื่อเขาเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ปูชนียสถานสูงนั้น   และเมื่อเขาเข้ามาในสถานศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อจะอธิษฐาน   เขาก็จะไม่ได้รับผล
 13นี่เป็นพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสเกี่ยวกับโมอับในอดีต 14แต่บัดนี้   พระเจ้าตรัสว่า   “ภายในสามปีตามปีจ้างลูกจ้าง(คือ   ช่วงเวลาที่กำหนดแน่อย่างลูกจ้างจะทำงาน ให้พอดีกับเวลาที่กำหนดไว้   ไม่เกินเลย)    ศักดิ์ศรีของโมอับจะถูกเหยียดหยาม   แม้มวลชนมหึมาของเขาทั้งสิ้นก็ดี   และคนที่เหลืออยู่นั้นก็จะน้อยและกะปลกกะเปลี้ย”

บทที่ 17

1ครุวาทเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส
  ดูเถิด  ดามัสกัสจะหยุดไม่เป็นเมืองหลวง
  และจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
 2หัวเมืองของดามัสกัสจะเริศร้างเป็นนิตย์
  จะเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ
  ซึ่งมันจะนอนลงและไม่มีผู้ใดจะให้มันกลัว
 3ป้อมปราการจะสูญหายไปจากเอฟราอิม
  และราชอาณาจักรจะศูนย์หายไปจากดามัสกัส
  และคนที่เหลืออยู่ของซีเรีย
  จะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของคนอิสราเอล
  พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
 4และในวันนั้น
  ศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ
  และความอ้วนที่เนื้อของเขา
จะซูบผอมลง
 5และจะเป็นเหมือนเมื่อคนเกี่ยวข้าว
  เก็บเกี่ยวพืชข้าวที่ตั้งอยู่
  และแขนของเขาจะเกี่ยวรวงข้าว
  และเหมือนเมื่อคนหนึ่งเก็บรวงข้าว
  ในที่ลุ่มเรฟาอิม
 6จะมีเหลืออยู่บ้างในนั้น
  เหมือนอย่างเมื่อตีต้นมะกอกเทศให้ลูกหล่น
  จะมีเหลืออยู่ที่ยอดสูงที่สุด
  สองสามลูก
  หรือที่เหลือบนกิ่งไม้
  ผลสี่ห้าลูก   พระเยโฮวาห์  พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้แหละ
 7ในวันนั้น   คนจะเอาใจใส่ในพระผู้สร้างตน   และนัยน์ตาเขาจะมองดูองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล 8เขาจะไม่เอาใจใส่แท่นบูชา   ผลงานแห่งมือของเขา   และเขาจะไม่มองสิ่งที่นิ้วของเขาเองได้กระทำขึ้น   ไม่ว่าจะเป็นอาเชริม(สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ใช้ ในการนมัสการเจ้าแม่อาเชรา   ชะรอยจะเป็นเสาไม้แกะ   หรือรูปเคารพอันเป็นรูปเจ้าแม่) หรือแท่นเผาเครื่องหอม
 9ในวันนั้นเมืองเข้มแข็งของเขา   จะเป็นเหมือนที่เริศร้างของคนฮีไวต์   และคนอาโมไรต์   ซึ่งเขาได้ทิ้งให้เริศร้างเพราะคนอิสราเอล   และจะเป็นที่เริศร้าง
 10เพราะเจ้าได้หลงลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้าเสีย
  และมิได้จดจำองค์พระศิลาลี้ภัยของเจ้า
  แม้ว่าเจ้าปลูกต้นอภิรมย์
  และปักกิ่งแห่งพระต่างด้าวไว้
 11แม้ว่าเจ้าทำให้มันงอกในวันที่เจ้าปลูกมัน
  และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่เจ้าหว่าน
  ถึงกระนั้นผลการเก็บเกี่ยวก็จะหนีไป
  ในวันแห่งความกลัดกลุ้มและความเจ็บอย่างรักษาไม่ได้
 12เอ๊ะ  เสียงกึกก้องของชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก
  เขากึกก้องเหมือนทะเลก้องกึก
  เอ๊ะ  นั่นเสียงครืนๆของชนชาติทั้งหลาย
  มันครืนๆเหมือนเสียงครืนๆของน้ำที่มีกำลังมาก
 13ชนชาติทั้งหลายครืนๆเหมือนเสียงครืนๆของน้ำเป็นอันมาก
  แต่พระองค์จะทรงขนาบไว้   และมันจะหนีไปไกลเสีย
  ถูกไล่ไปเหมือนแกลบต้องลมบนภูเขา
  เหมือนพืชแห้งปลิวไปต่อหน้าพายุ
 14ดูเถิด   พอเวลาเย็น   ก็ความสยดสยอง
  ก่อนรุ่งเช้า   ก็ไม่มีเขาทั้งหลายแล้ว
  นี่เป็นส่วนของบรรดาผู้ที่ริบของของเรา
  และเป็นส่วนของผู้ที่ปล้นเรา


บทที่ 18

1เฮ้ย  แผ่นดินแห่งปีกที่กระหึ่ม
 ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำแห่งเอธิโอเปีย
 2ซึ่งส่งทูตไปโดยทางทะเล(   น่าจะเป็นคำประพันธ์   อ้างถึงแม่น้ำไนล์)  
 โดยเรือต้นกกบนน้ำ
  เจ้าผู้สื่อสารที่รวดเร็วเอ๋ย  จงไป
 ยังประชาชาติที่คนร่างสูง
และเกลี้ยงเกลา
  ยังชนชาติที่เขากลัวทั้งใกล้และไกล
 ยังประชาชาติที่เข้มแข็งและมักชนะ
 ซึ่งแผ่นดินของเขามีแม่น้ำแบ่ง
 3ท่านทั้งปวงผู้เป็นชาวพิภพ
 ท่านอาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก
  เมื่อมีอาณัติสัญญายกขึ้นบนภูเขา
จงมองดู
 เมื่อมีเสียงเขาสัตว์เป่า  จงฟัง
 4เพราะพระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าดังนี้ว่า
  “เราจะค่อยๆมองจากที่อาศัยของเรา
 เหมือนความร้อนที่กระจ่างอยู่ในแสงแดด
 เหมือนอย่างเมฆแห่งน้ำค้างในความร้อนของฤดูเกี่ยว”
 5เพราะก่อนถึงฤดูเกี่ยว  เมื่อดอกบานพ้นไปแล้ว
 และดอกกลายเป็นผลองุ่นกำลังสุก
  พระองค์จะทรงตัดกิ่งออกด้วยขอลิดแขนง
 พระองค์จะทรงโค่นกิ่งสาขานั้นเสีย
 6และเขาทั้งหลายจะถูกทิ้งไว้ทั้งหมด
 ให้แก่เหยี่ยวที่อยู่บนภูเขา
 และแก่สัตว์แห่งแผ่นดินโลก
  และนกกินเหยื่อจะกินเสียในฤดูร้อน
 และบรรดาสัตว์ทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะกินเสียในฤดูหนาว
 7ในครั้งนั้น   เขาจะนำของกำนัลมาถวายแด่พระเจ้าจอมโยธา
  จากชนชาติที่คนร่างสูงและเกลี้ยงเกลา
 จากชนชาติที่เขากลัวทั้งใกล้และไกล
  จากประชาชาติที่เข้มแข็งและมักชนะ
 ซึ่งแผ่นดินของเขามีแม่น้ำแบ่งยังสถานที่แห่งพระนาม ของพระเจ้าจอมโยธา   คือภูเขาศิโยน



กาลาเทีย 1:1-24



1เปาโล   ผู้เป็นอัครทูต   (มิใช่มนุษย์แต่งตั้ง   หรือมนุษย์เป็นตัวแทนแต่งตั้ง   แต่พระเยซูคริสต์และพระบิดาเจ้า   ผู้ทรงโปรดให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย   ได้ทรงแต่งตั้ง) 2และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้า
 เรียน   คริสตจักรทั้งหลายแห่งแคว้นกาลาเทีย
 3ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระบิดาเจ้า   และพระเยซูคริสตเจ้าของเรา   ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด 4พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเราทั้งหลาย   เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย   ตามน้ำพระทัยพระบิดาเจ้าของเรา 5ขอให้พระเจ้าทรงมีพระสิริตลอดไปเป็นนิตย์   อาเมน 6ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจ   ที่พวกท่านพากันละทิ้งพระองค์ไปอย่างรวดเร็ว   พระองค์ทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์   แต่ท่านกลับหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย 7ความจริงข่าวประเสริฐอื่นไม่มี   แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก   และปรารถนาที่จะบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ 8แม้แต่เราเองหรือทูตสวรรค์   ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน   ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วนั้น   ก็จะต้องถูกแช่งสาป 9ตามที่เราได้พูดไว้ก่อนแล้ว   บัดนี้ข้าพเจ้าพูดอีกว่า   ถ้าผู้ใดประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน   ที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้รับไว้แล้ว   ผู้นั้นจะต้องถูกแช่งสาป
 10บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังพูดเอาใจมนุษย์หรือ   ข้าพเจ้าทำให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้ามิใช่หรือ   ข้าพเจ้าอุตส่าห์ประจบประแจงมนุษย์หรือ   ถ้าข้าพเจ้ากำลังประจบประแจงมนุษย์อยู่   ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์ 11พี่น้องทั้งหลาย   ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า   ข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไปแล้วนั้นไม่ใช่ของมนุษย์ 12เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับข่าวประเสริฐนั้นจากมนุษย์   ไม่มีมนุษย์คนใดสอนข้าพเจ้า   แต่ข้าพเจ้าได้รับข่าวประเสริฐนั้น   โดยพระเยซูคริสต์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า 13เพราะท่านก็ได้ยินถึงชีวิตในหนหลังของข้าพเจ้า   เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในลัทธิยิวแล้วว่า   ข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างร้ายแรงเหลือเกิน   และพยายามที่จะทำลายเสีย 14และเมื่อข้าพเจ้าอยู่ในลัทธิยิวนั้น   ข้าพเจ้าได้ก้าวหน้าเกินกว่าเพื่อนหลายคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน   และที่เป็นชนชาติเดียวกัน   เพราะเหตุที่ข้าพเจ้ามีหัวรุนแรง   ยิ่งกว่าเขาในเรื่องขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 15แต่เมื่อพระเจ้าผู้ทรงสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา   และได้ทรงโปรดบัญชาใช้ข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์   ทรงพอพระทัย 16ที่จะทรงสำแดงพระบุตรของพระองค์แก่ข้าพเจ้า   เพื่อให้ข้าพเจ้าประกาศพระบุตรแก่ชนต่างชาตินั้น   ข้าพเจ้าก็มิได้ปรึกษากับมนุษย์คนใดเลย 17และข้าพเจ้าก็ไม่ได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม   เพื่อพบกับผู้ที่เป็นอัครทูตก่อนข้าพเจ้า   แต่ข้าพเจ้าได้ออกไปยังประเทศอาระเบียทันที   แล้วก็กลับมายังกรุงดามัสกัสอีก
 18สามปีต่อมา   ข้าพเจ้าขึ้นไปหาเคฟาสที่กรุงเยรูซาเล็ม   และพักอยู่กับท่านสิบห้าวัน 19แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ได้พบอัครทูตคนอื่นเลย   นอกจากยากอบ   น้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า 20(เรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านนี้   พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ว่า   ข้าพเจ้าไม่มุสาเลย) 21หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เข้าไปในเขตแดนซีเรียและซีลีเซีย 22ข้าพเจ้าไม่ได้พบกับคริสตจักรทั้งหลายในแคว้นยูเดียเลย 23เขาเพียงแต่ได้ยินว่า   “ผู้ที่แต่ก่อนเคยข่มเหงเรา   บัดนี้ได้ประกาศความเชื่อซึ่งเขาได้เคยพยายามทำลาย” 24พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าก็เพราะข้าพเจ้าเป็นเหตุ



สดุดี  58:1-11



1ท่านผู้เป็นเจ้านาย  ท่านพูดอย่างชอบธรรมหรือ
 บุตรของมนุษย์เอ๋ย  ท่านพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมหรือ
 2เปล่าเลย  ในใจของท่าน   ท่านประดิษฐ์ความผิด
 มือของท่านชั่งความทารุณออกให้บนแผ่นดินโลก
 3คนอธรรมหลงเจิ่นไปตั้งแต่จากครรภ์
 เขาทำผิดมาตั้งแต่เกิด  คือพูดมุสา
 4เขามีพิษเหมือนพิษงู
 เหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
 5มันจึงไม่ได้ยินเสียงของหมองู
 หรือเชื่อฟังผู้มีมนต์ขลัง
 6ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงหักฟันในปากของมันเสีย
 ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงฉีกเขี้ยวของสิงห์หนุ่มออกเสีย
 7ให้เขาหายไปเหมือนน้ำไหล
 พระองค์จะทรงเล็งธนูที่เขาทั้งหลาย   และเขาจะถูกสังหาร
 8ขอให้เขาเหมือนทากที่ละลายเป็นเมือกไป
 เหมือนทารกแท้งที่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์
 9เร็วยิ่งกว่าหม้อจะรู้สึกร้อน   ด้วยไฟหนามไข่กุ้ง
 ไม่ว่าสดหรือไหม้เป็นเปลวก็ขอพระองค์ทรง กวาดเขาไปเสีย
 10คนชอบธรรมจะเปรมปรีดิ์  เมื่อเขาเห็นการแก้แค้น
 เขาจะเอาโลหิตของคนอธรรมล้างเท้าของเขา
 11จะมีคนกล่าวว่า   “แน่แล้ว  มีบำเหน็จให้แก่คนชอบธรรม
 แน่แล้ว  มีพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาโลก”


สุภาษิต 23:12


12จงเอาใจของเจ้ารับคำสั่งสอน
  และเอาหูของเจ้ารับถ้อยคำแห่งความรู้   

No comments:

Post a Comment