Wednesday 15 September 2010

วันที่ 15 กันยายน

อิสยาห์ 19:1-21:17

1ครุวาทเกี่ยวกับอียิปต์
  ดูเถิด  พระเจ้าทรงเมฆอันรวดเร็ว
  และเสด็จมายังอียิปต์
  ต่อพระพักตร์พระองค์  รูปเคารพแห่งอียิปต์จะสั่นสะเทือน
  และใจของคนอียิปต์จะละลายไปภายในตัวเขา
 2และเราจะกวนให้คนอียิปต์ต่อสู้กับคนอียิปต์
  และเขาจะสู้รบกัน  ทุกคนรบพี่น้อง
ของตน
  และทุกคนรบเพื่อนบ้านของตน
  เมืองรบกับเมือง  ราชอาณาจักรรบกับราชอาณาจักร
 3และคนอียิปต์ก็จะจนใจ
  และเราจะกระทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง
  และเขาจะปรึกษารูปเคารพและพวกหมอดู
  และคนทรง  และพ่อมดแม่มด
 4และเราจะมอบคนอียิปต์ไว้ในมือ
  ของนายที่แข็งกระด้าง
  และพระราชาดุร้ายคนหนึ่งจะปกครองเหนือเขา
  องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
 5และน้ำจะแห้งไปจากทะเล(ดูหมายเหตุที่  บท  18   ข้อ  2)  
  และแม่น้ำแห้งผาก
 6และคลองของมันจะเน่าเหม็น
  และแควของแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์   จะน้อยลงและแห้งไป
  ต้นอ้อและกอปรือจะเหี่ยวแห้ง
 7กอแขมที่แม่น้ำไนล์
  ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
  และทั้งสิ้นที่หว่านลงข้างแม่น้ำนั้น
จะแห้งไป
  จะถูกไล่ไปเสียและไม่มีอีก
 8ชาวประมงจะร้องทุกข์
  คือบรรดาผู้ที่ตกเบ็ดในแม่น้ำไนล์
จะไว้ทุกข์
  และผู้ที่ทอดแหลงในน้ำ
  จะอ่อนระทวย
 9คนงานที่หวีป่านจะหมดหวัง
  ทั้งคนที่ทอฝ้ายขาวด้วย
 10บรรดาผู้ที่เป็นหลัก(หรือ   บรรดาคนทอผ้า) ของแผ่นดินต้องถูกบีบคั้น
  และบรรดาผู้ที่ทำงานรับจ้างจะเศร้าใจ
 11พวกเจ้านายแห่งโศอันโง่บัดซบทีเดียว
  ที่ปรึกษาที่ฉลาดของฟาโรห์ให้คำปรึกษาอย่างโง่เขลา
  พวกเจ้าจะพูดกับฟาโรห์ได้อย่างไรว่า
  “ข้าบาทเป็นบุตรของนักปราชญ์
  เป็นเชื้อสายของกษัตริย์โบราณ”
 12นักปราชญ์ของท่านอยู่ที่ไหน
  ให้เขาบอกท่านและให้เขาทำให้แจ้งซิ
  ว่าพระเจ้าจอมโยธามีพระประสงค์อะไรกับอียิปต์
 13เจ้านายแห่งโศอันกลายเป็นคนโง่
  และเจ้านายแห่งเมมฟิสถูกหลอกลวงแล้ว
  บรรดาผู้ที่เป็นศิลามุมเอกของเผ่าของอียิปต์
  ได้นำอียิปต์ให้หลงไป
 14พระเจ้าทรงปนดวงจิตแห่งความยุ่งเหยิง
  ไว้ในอียิปต์
  และเขาทั้งหลายได้กระทำให้อียิปต์แชเชือน ในการกระทำทั้งสิ้นของมัน
  ดั่งคนเมาโซเซอยู่บนสิ่งที่เขาอาเจียน
 15ไม่มีอะไรที่จะกระทำได้เพื่อช่วยอียิปต์
  ซึ่งหัวก็ดี   หางก็ด     หรือใบตาลก็ดี
ต้นอ้อเล็กก็ดี  อาจจะทำได้
 16วันนั้น  คนอียิปต์จะเป็นเหมือนผู้หญิง   สั่นสะเทือนและกลัวต่อพระหัตถ์ ซึ่งพระเจ้าจอมโยธาทรงกวัดแกว่งเหนือเขา 17และแผ่นดินยูดาห์จะเป็นที่หวาดกลัวแก่คนอียิปต์   เมื่อกล่าวชื่อให้คนหนึ่งคนใดเขาก็กลัว   เพราะพระประสงค์ของพระเจ้าจอมโยธา   ซึ่งทรงประสงค์ต่อเขาทั้งหลาย
 18ในวันนั้น   จะมีห้าหัวเมืองในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพูดภาษาของคานาอัน   และสาบานต่อพระเจ้าจอมโยธา   เมืองหนึ่งเขาจะเรียกว่า   เมืองอาทิตย์
 19ในวันนั้น   จะมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งแด่พระเจ้าในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์   และมีเสาศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้าที่พรมแดน 20จะเป็นหมายสำคัญและเป็นพยานในแผ่นดินอียิปต์ถึง พระเจ้าจอมโยธา   เมื่อเขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระเจ้าเหตุด้วยผู้บีบบังคับเขา   พระองค์จะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ป้องกันผู้หนึ่งมาให้เขา ผู้จะช่วยกู้เขาไว้ 21และพระเจ้าจะสำแดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จักแก่คนอียิปต์   และคนอียิปต์จะรู้จักพระเจ้าในวันนั้นและนมัสการด้วยถวายเครื่องสักการบูชาและเครื่องถวาย   และเขาทั้งหลายจะบนบานและแก้บนต่อพระเจ้า 22และพระเจ้าจะโจมตีอียิปต์  ทรงโจมตีพลางทรงรักษาพลาง   และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระเจ้า   และพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาเขา
 23ในวันนั้น  จะมีทางหลวงจากอียิปต์ถึงอัสซีเรีย   และคนอัสซีเรียจะเข้ามายังอียิปต์  และคนอียิปต์ยังอัสซีเรีย
 24ในวันนั้น  อิสราเอลจะเป็นที่สามกับอียิปต์และกับอัสซีเรีย   เป็นพรท่ามกลางแผ่นดินโลก 25เป็นผู้ที่พระเจ้าจอมโยธาทรงอำนวยพระพรว่า   “อียิปต์ชนชาติของเราจงได้รับพร   และอัสซีเรียผลงานแห่งมือของ เราและอิสราเอลมรดกของเรา”


บทที่ 20

1ในปีที่ผู้บังคับบัญชาใหญ่   ผู้ซึ่งซาร์กอนพระราชาแห่งอัสซีเรียทรงใช้มานั้น   ได้มาถึงอัชโดดและได้ต่อสู้ยึดเมืองนั้นได้ 2ในครั้งนั้นพระเจ้าตรัสโดยอิสยาห์บุตรอามอสว่า   “จงไป  แก้ผ้ากระสอบออกจากบั้นเอวของเจ้า   และเอารองเท้าออกจากเท้าของเจ้า”   และท่านก็กระทำตาม   เดินเปลือยกายและเท้าเปล่า 3และพระเจ้าตรัสว่า   “อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเปลือยกาย   และเท้าเปล่าสามปี   เป็นหมายสำคัญและเป็นลางแก่อียิปต์และแก่เอธิโอเปียฉันใด 4พระราชาแห่งอัสซีเรีย จะนำคนอียิปต์ไปเป็นเชลยและจะกวาดคนเอธิโอเปียไป   ทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่   เปลือยกายและเท้าเปล่า   เปิดก้น   เป็นที่ละอายแก่อียิปต์ 5แล้วเขาทั้งหลายจะท้อถอยและอับอายด้วยเหตุเอธิโอเปียความหวังของเขา   และอียิปต์ความโอ้อวดของเขา 6และชาวแผ่นดินชายทะเลนี้จะกล่าวในวันนั้นว่า   'ดูเถิด   นี่แหละผู้ซึ่งเราหวังใจ   และผู้ซึ่งเราหนีไปหาความช่วยกู้ให้พ้นจาก พระราชาอัสซีเรีย   และเรา  เราเล่าจะหนีให้พ้นได้อย่างไร' ”


บทที่ 21

1ครุวาทเกี่ยวกับถิ่นทุรกันดารของทะเล
  เหมือนลมบ้าหมูในเนเกบพัดเกลี้ยงไป
  มันมาจากถิ่นทุรกันดาร
  จากแผ่นดินอันน่าคร้ามกลัว
 2เขาบอกนิมิตที่เหี้ยมหาญแก่ข้าพเจ้า
  ว่าผู้ปล้นเข้าปล้น
  ผู้ทำลายเข้าทำลาย
  เอลามเอ๋ย  จงขึ้นไป
  มีเดียเอ๋ย  จงเข้าล้อม
  ซึ่งมันให้เกิดการถอนหายใจทั้งสิ้น
  เราได้กระทำให้สิ้นไปแล้ว
 3เพราะฉะนั้น  บั้นเอวของข้าพเจ้าจึงเต็มด้วยความแสนระทม
  ความเจ็บปวดฉวยข้าพเจ้าไว้
  อย่างความเจ็บปวดที่หญิงกำลังคลอดบุตร
  ข้าพเจ้าจนใจเพราะสิ่งที่ได้ยิน
  ข้าพเจ้าท้อถอยเพราะสิ่งที่ได้เห็น
 4จิตใจของข้าพเจ้าฟุ้งซ่านไป   ความหวาดเสียวกระทำให้ข้าพเจ้าครั่นคร้าม
  แสงโพล้เพล้ซึ่งข้าพเจ้าหวัง
  กลับทำให้ข้าพเจ้าสั่นสะเทือน
 5เขาเตรียมสำรับไว้
  เขาปูพรม
  เขากิน  เขาดื่ม
  เจ้านายทั้งหลายเอ๋ย  จงลุกขึ้น
  ชโลมโล่ไว้ด้วยน้ำมัน
 6เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
  “จงไป  ตั้งยาม
  ให้เขาไปร้องประกาศสิ่งที่เขาเห็น
 7เมื่อเขาเห็นคนขี่ม้า  คือพลม้าเป็นคู่ๆ
  คนขี่ลา  คนขี่อูฐ
  ให้เขาฟังอย่างพินิจพิเคราะห์
  อย่างพินิจพิเคราะห์ทีเดียว”
 8แล้วผู้เห็นได้ร้องว่า
  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ข้าพระองค์ยืนอยู่บนหอคอย
  ตลอดไปในกลางวัน
  ข้าพระองค์ประจำอยู่ที่ตำแหน่งของข้าพระองค์
  ตลอดหลายคืน
 9และ  ดูเถิด  มีคนขี่มา
  คือพลม้าเป็นคู่ๆ”
  และเขาตอบว่า
  “บาบิโลนล่มแล้ว  ล่มแล้ว
  บรรดารูปเคารพทั้งสิ้นแห่งพระของเขา
  พระองค์ทรงทำลายลงถึงพื้นดิน”

 10ท่านผู้ถูกนวดและผู้ถูกฝัดของข้าเอ๋ย
  ข้าได้ยินอะไรจากพระเจ้าจอมโยธา
  พระเจ้าแห่งอิสราเอล  ข้าพเจ้าก็ร้องประกาศแก่ท่านอย่างนั้น
 11ครุวาทเกี่ยวกับดูมาห์
  มีคนหนึ่งเรียกข้าพเจ้าจากเสอีร์
  ว่า  “คนยามเอ๋ย  ดึกเท่าไรแล้ว
  คนยามเอ๋ย  ดึกเท่าไหร่แล้ว”
 12คนยามตอบว่า
  “เช้ามาถึง  กลางคืนมาด้วย
  ถ้าจะถาม  ก็ถามเถิด
  จงกลับมาอีก”
 13ครุวาทเกี่ยวกับอาระเบีย
  โอ  กระบวนพ่อค้าของคนเดดานเอ๋ย
  เจ้าจะพักอยู่ในดงทึบในอาระเบีย
 14ชาวแผ่นดินเทมาเอ๋ย
  จงเอาน้ำมาให้คนกระหาย
  เอาขนมปังมาต้อนรับคนลี้ภัย
 15เพราะเขาได้หนีจากกระบี่
  จากกระบี่ที่ชักออก
  จากธนูที่โก่งอยู่
  และจากสงครามที่กระชั้นเข้ามา
 16เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า   “ศักดิ์ศรีทั้งสิ้นของเคดาร์จะถึงที่สุดภายใน ปีเดียวตามปีจ้างลูกจ้าง(ดูหมายเหตุที่   บท  16  ข้อ  14)  17และนักธนูที่เหลืออยู่ของทแกล้วทหารแห่งชาว เคดาร์จะเหลือน้อย   เพราะพระเยโฮวาห์   พระเจ้าของอิสราเอล   ได้ตรัสแล้ว”




กาลาเทีย  2:1-16



1สิบสี่ปีต่อมา   ข้าพเจ้ากับบารนาบัสได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีก   และพาทิตัสไปด้วย 2ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า   และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ชนต่างชาติให้เขาฟัง  (แต่ได้เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นส่วนตัว)   เกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งกันหรือวิ่งแล้วโดยไร้ประโยชน์ 3แต่ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้า   จะเป็นคนกรีกเขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต 4ตามคำแนะนำของพี่น้องจอมปลอม   ที่ได้ลอบเข้ามา   เพื่อจะสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีเพราะพระเยซูคริสต์   พวกเขาหวังจะเอาเราไปเป็นทาส 5แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับเขาแม้สักขณะเดียว   เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป 6และจากพวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ   (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อนก็ตาม   ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลย   พระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด)   คนเหล่านั้นซึ่งเขาถือว่าเป็นคนสำคัญ   ไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย 7แต่ตรงกันข้ามเมื่อเขาเห็นว่า   ข้าพเจ้าได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนเหล่านั้นที่ไม่ถือพิธีเข้าสุหนัต   เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนที่ถือพิธีเข้าสุหนัต 8(เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงดลใจเปโตรให้เป็นทูต   ไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต   ก็ได้ทรงดลใจข้าพเจ้าให้ไปหาคนต่างชาติเหมือนกัน) 9เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์นผู้ที่เขานับถือว่าเป็นหลัก   ได้เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้ว   ก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส   แสดงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน   เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ   และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต 10ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงไม่ให้เราลืมนึกถึงคนจน   ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากระตือรือร้นที่จะกระทำ 11แต่เมื่อเคฟาสมาถึงอันทิโอกแล้ว   ข้าพเจ้าก็ได้คัดค้านท่านซึ่งๆหน้า   เพราะว่าท่านทำผิดแน่ 12ด้วยว่าก่อนที่คนของยากอบมาถึงนั้น   ท่านได้กินอยู่ด้วยกันกับคนต่างชาติ   แต่พอคนพวกนั้นมาถึง   ท่านก็ปลีกตัวออกไปอยู่เสียต่างหาก   เพราะกลัวพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต 13และพวกยิวคนอื่นๆก็ได้แสร้งทำตามท่าน   แม้แต่บารนาบัสก็หลงแสร้งทำตามคนเหล่านั้นไปด้วย 14แต่เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่า   เขาไม่ได้ประพฤติตรงตามความจริงของข่าวประเสริฐนั้น   ข้าพเจ้าจึงว่าแก่เคฟาสต่อหน้าคนทั้งปวงว่า   “ถ้าท่านเองซึ่งเป็นพวกยิว   ประพฤติตามอย่างคนต่างชาติ   ไม่ใช่ตามอย่างพวกยิว   เหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยิวเล่า” 15เราผู้มีสัญชาติเป็นยิว   ไม่ใช่คนต่างชาติที่มีบาป 16ก็ยังรู้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้   โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ   แต่โดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น   ถึงเราเองก็มีใจศรัทธาในพระเยซูคริสต์   เพื่อจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยศรัทธาในพระคริสต์   ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ   เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น   ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย

สดดี 59:1-17


1ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ จากศัตรูของข้าพระองค์   
 ขอทรงช่วยป้องกันข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาผู้ ที่ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์   
 2ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากผู้ที่ทำความชั่วร้าย   
 และขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากคนกระหายเลือด   
 3เพราะนี่แน่ะ  เขาซุ่มคอยเอาชีวิตข้าพระองค์   
 คนดุร้ายร่วมหัวกันต่อสู้ข้าพระองค์   
 ข้าแต่พระเจ้า  มิใช่การละเมิดหรือบาปของข้าพระองค์เอง   
 4เขาวิ่งไปเตรียมพร้อม  มิใช่ความผิดของข้าพระองค์   
 ขอทรงกระปรี้กระเปร่า   ขอทรงมาช่วยข้าพระองค์และทอดพระเนตร   
 5ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา  พระองค์ทรง เป็นพระเจ้าของอิสราเอล   
 ขอทรงตื่นขึ้นลงโทษบรรดาประชาชาติ   
 ขออย่าทรงเมตตาผู้ที่ทรยศคิดร้าย   แม้สักคนเดียว   9:1   
 6เขากลับมาทุกเย็น   
 หอนอย่างสุนัข   
 และตระเวนไปทั่วนคร   
 7เขาอยู่ที่นั่นอย่างไรล่ะ  ปากของเขายังพ่นอยู่   
 และมีดาบที่ริมฝีปากของมัน   
 เพราะมันคิดว่า  “ใครจะฟังเรา”   
 8ข้าแต่พระเจ้า  แต่พระองค์ทรงหัวเราะเยาะเขา   
 พระองค์ทรงเยาะเย้ยประชาชาติทั้งปวง   
 9ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์   ข้าพระองค์จะคอยเฝ้าพระองค์   
 ข้าแต่พระเจ้า  เพราะพระองค์ ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์   
 10พระเจ้าของข้าพเจ้าจะพบข้าพเจ้าด้วยความรักมั่นคง ของพระองค์   
 พระเจ้าจะทรงให้ข้าพเจ้ามองเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าแพ้   
 11ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระโล่ของข้าพระองค์ทั้งหลาย   
 ขออย่าทรงสังหารเขาเสีย  เกรงว่า   ชนชาติของข้าพระองค์จะลืม   
 ขอให้เขาระหกระเหินไปด้วยฤทธานุภาพของพระองค์   
 และทำให้เขาล้มลง   
 12เพราะบาปปากของเขา  และเพราะถ้อยคำริมฝีปากของเขา   
 ขอให้เขาติดกับโดยความเย่อหยิ่ง
ของเขา   
 เพราะการแช่งสาปและการมุสาซึ่งเขาเปล่งออกมานั้น   
 13ขอทรงเผาผลาญเขาเสียโดยพระพิโรธ   
 ขอทรงเผาผลาญเขาจนเขาไม่เหลือเลย   
 แล้วคนจะทราบว่าพระเจ้าทรงปกครองเหนือยาโคบ   
 ถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก   
 14เขากลับมาทุกเย็น   
 หอนอย่างสุนัข   
 และตระเวนไปทั่วนคร   
 15เขาเที่ยวไปหาอาหาร   
 ถ้าไม่ได้กินอิ่มก็ขู่คำราม   
 16แต่ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงอานุภาพของพระองค์   
 ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงความรัก   มั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า   
 เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์   
 เป็นที่ลี้ภัยในยามทุกข์ของข้าพระองค์   
 17ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์   ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์   
 ข้าแต่พระเจ้า  เพราะพระองค์ทรงเป็น ป้อมปราการของข้าพระองค์   
 พระเจ้าผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์

สุภาษิต 23:13-14

 13อย่ายับยั้งการตีสอนเสียจากเด็ก   
  ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว  เขาจะไม่ตาย   
 14ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว   
  เจ้าจะช่วยชีวิตของเขาให้รอดจากแดนผู้ตาย 

No comments:

Post a Comment