Monday 13 September 2010

วันที่ 12 กันยายน

Isaiah 10:1-11:16
2 Corinthians 12:11-21
Psalm 56:1-13
Proverbs 23:6-8




อิสยาห์ 10

1วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ออกกฎหมายอธรรม  
 และแก่ผู้เขียนที่เขียนแต่การบีบคั้นเรื่อยไป  
 2เพื่อหันคนขัดสนไปจากความยุติธรรม  
 และปล้นสิทธิของคนจนแห่งชนชาติของเราเสีย  
  เพื่อว่าหญิงม่ายจะเป็นของริบของเขา  
 และเพื่อเขาจะกระทำให้คนกำพร้าพ่อเป็นเหยื่อของเขา  
 3พวกเจ้าจะกระทำอย่างไรในวันลงทัณฑ์  
 ในวันวาตภัยซึ่งมาจากที่ไกล  
  เจ้าจะหนีไปพึ่งใคร  
 และเจ้าจะฝากทรัพย์สมบัติของเจ้าไว้ที่ไหน  
 4ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะไปหลังขด   หลังงออยู่กับนักโทษ  
 หรือล้มลงในหมู่พวกคนที่ถูกฆ่า  
  ถึงกระนั้นก็ดี  พระพิโรธของพระองค์ก็ยังมิได้หันกลับ  
 และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่  
 5วิบัติแก่อัสซีเรีย   ผู้เป็นตะบองแห่งความกริ้วของเรา  
 และเป็นไม้พลองแห่งความเกรี้ยวกราดของเรา  
 6เราจะใช้เขาไปสู้ประชาชาติที่ปฏิเสธพระเจ้า  
 เราจะบัญชาเขาให้ไปสู้ชนชาติที่เรากริ้ว  
  ไปเอาของริบและฉวยของปล้น  
 และให้เหยียบย่ำลงเหมือนเหยียบเลนในถนน  
 7แต่เขามิได้ตั้งใจอย่างนั้น  
 และจิตใจของเขาก็มิได้คิดอย่างนั้น  
  แต่ในใจของเขาคิดจะทำลาย  
 และตัดประชาชาติเสียมิใช่เล็กน้อย  
 8เพราะเขาพูดว่า  
  “ผู้บังคับบัญชาของข้าเป็นพระราชาหมดมิใช่หรือ  
 9เมืองคาลโนก็เหมือนเมืองคารเคมิช
มิใช่หรือ  
 เมืองฮามัทก็เหมือนเมืองอารปัดมิใช่หรือ  
 เมืองสะมาเรียก็เหมือนเมืองดามัสกัส
มิใช่หรือ  
 10เหมือนอย่างมือของเราไปถึงบรรดาราชอาณาจักร ของรูปเคารพ  
 ซึ่งรูปเคารพแกะสลักของเขานั้นใหญ่กว่าของ เยรูซาเล็มและสะมาเรีย  
 11เราก็จะไม่ทำแก่เยรูซาเล็มกับรูปเคารพของ เขาดอกหรือ  
 ดังที่เราได้ทำแก่สะมาเรียและรูปเคารพของเขา”  
 12เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำเร็จพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ที่ภูเขา ศิโยนและที่เยรูซาเล็มแล้ว   พระองค์จะทรงลงทัณฑ์แก่ ความโอ้อวดอันจองหองของพระราชาแห่งอัสซีเรีย   และความเย่อหยิ่งอย่างยโสของเขา 13เพราะเขาว่า  
  “ข้าได้กระทำการนี้ด้วยกำลังมือของข้า  
 และด้วยสติปัญญาของข้า   เพราะข้ามีความเข้าใจ  
  ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติทั้งหลาย  
 และได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา  
 ข้าได้ขวิดคนเหล่านั้นที่นั่ง   บนพระที่นั่ง(หรือ   บรรดาชาวเมือง) ลงมาเหมือนวัวผู้  
 14มือของข้าได้ฉวยทรัพย์สมบัติของชนชาติทั้งหลาย  
 เหมือนฉวยรังนก  
  และอย่างคนเก็บไข่ซึ่งละทิ้งไว้  
 ข้าก็รวบรวมแผ่นดินโลกทั้งสิ้นดังนั้นแหละ  
  และไม่มีผู้ใดขยับปีกมาปก  
 หรืออ้าปากหรือร้องเสียงจ้อกแจ้ก”  
 15เหล็กสะกัดจะคุยข่มคนที่ใช้มันสกัดนั้นหรือ  
 หรือเลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยนั้นหรือ  
  เหมือนกับว่าตะบองจะยกผู้ซึ่งถือมันขึ้นตี  
 หรืออย่างไม้พลองจะยกผู้ที่มิใช่ไม้  
 16ฉะนั้น  องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าจอมโยธา  
 จะทรงให้โรคผอมแห้งมาในหมู่พวกคนอ้วนพีของเขา  
  ภายใต้เกียรติของเขาจะมีการไหม้ใหญ่โต  
 เหมือนอย่างไฟไหม้  
 17ความสว่างแห่งอิสราเอลจะเป็นไฟ  
 และองค์บริสุทธิ์ของท่านจะกลายเป็นเปลวเพลิง  
  และจะเผาและกินเสียในวันเดียว  
 ซึ่งหนามใหญ่และหนามย่อยของเขา  
 18พระองค์จะทรงทำลาย  
 ศักดิ์ศรีแห่งป่าของเขาและแห่งสวนผลไม้ของเขา  
  ทั้งวิญญาณจิตและร่างกาย  
 และจะเป็นเหมือนเวลาคนเจ็บซูบซีดลงไป  
 19ต้นไม้แห่งป่าของเขาจะเหลือน้อยเต็มที  
 จนเด็กๆจะเขียนลงได้ 20ในวันนั้น  คนอิสราเอลที่เหลืออยู่   และคนรอดตายแห่งเชื้อสายของยาโคบ   จะไม่พิงผู้ที่ตีเขาอีก   แต่จะพักพิงที่พระเจ้า   องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล   โดยความสัตย์จริง 21ส่วนคนที่เหลืออยู่จะกลับมายังพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์   คือคนที่เหลืออยู่ของยาโคบ 22อิสราเอลเอ๋ย   เพราะแม้ว่าชนชาติของเจ้าจะเป็นดั่งทรายในทะเล   คนที่เหลืออยู่เท่านั้นจะกลับมา   การทำลายนั้นกำหนดไว้แล้ว  ล้นหลามไปด้วยความชอบธรรม 23เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า   พระเจ้าจอมโยธาจะทรงกระทำให้สิ้นสุดลงตาม ที่กำหนดไว้แล้วในท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งสิ้น  
 24ฉะนั้น   องค์พระผู้เป็นเจ้า   พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า   “ชนชาติของเราเอ๋ย   ผู้อยู่ในศิโยน   อย่ากลัวคนอัสซีเรีย   เมื่อเขาตีด้วยตะบองและยกไม้พลองของเขาขึ้นสู้ เจ้าอย่างที่ในอียิปต์ 25เพราะอีกสักหน่อยเท่านั้นความกริ้วของเจ้าจะสิ้นสุด   และความโกรธของเราจะมุ่งตรงที่การทำลายเขา 26และพระเจ้าจอมโยธาจะทรงเหวี่ยงแส้มาสู้เขา   ดังที่พระองค์ทรงโจมตีคนมีเดียน ณ ศิลาโอเรบ   และไม้พลองของพระองค์ที่เคยอยู่เหนือทะเล   พระองค์จะทรงยกขึ้นอย่างที่ในอียิปต์ 27และในวันนั้นภาระของเขาจะพรากไปจากบ่าของเจ้า   และแอกของเขาจะถูกทำลายเสียจากคอของเจ้า”  
  เขาขึ้นไปจากสะมาเรียแล้ว  
 28เขาได้มาถึงอัยยาทแล้ว  
 เขาได้ข้ามมิโกรน  
 เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้ที่มิคมาช  
 29เขาเหล่านั้นผ่านช่องหว่างเขามาแล้ว  
 เกบาเป็นที่เขาค้างคืน  
  รามาห์สะทกสะท้าน  
 กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว  
 30ธิดาของกัลลิมเอ๋ย  ส่งเสียงร้องซี  
 ไลชาห์เอ๋ย  ฟังซี  
 อานาโธทเอ๋ย  น่าสงสารจริง  
 31มัดเมนาห์กำลังหนีอยู่  
 คนเกบิมหนีให้พ้นภัย  
 32ในวันนี้เองเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ  
 เขาจะสั่นกำปั้นของเขา  
 เข้าใส่ภูเขาแห่งธิดาของศิโยน  
 เนินเขาของเยรูซาเล็ม  
 33ดูเถิด  องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าจอมโยธา  
 จะทรงตัดกิ่งไม้ด้วยกำลังอันน่าคร้ามกลัว  
  ต้นที่สูงยิ่งจะถูกโค่นลงมา  
 และต้นที่สูงจะต้องถูกทลายลง  
 34พระองค์จะทรงใช้ขวานฟันป่าทึบ  
 และเลบานอนซึ่งมีต้นไม้สูงตระหง่านจะล้มลง


Chapter 11

1จะมีหน่อแตกออกมาจากตอแห่งเจสซี  
 จะมีกิ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลาย   ของเขา  
 2และพระวิญญาณของพระเจ้าจะอยู่บนท่านนั้น  
 คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ  
 วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ  
 วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า  
 3ความพึงใจของท่านก็ในความยำเกรงพระเจ้า  
  ท่านจะไม่พิพากษาตามซึ่งตาท่านเห็น  
 หรือตัดสินตามซึ่งหูท่านได้ยิน  
 4แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม  
 และตัดสินเผื่อผู้มีใจถ่อมแห่งแผ่นดินโลก(หรือ   แผ่นดิน) ด้วยความเที่ยงธรรม  
  ท่านจะตีโลกด้วยตะบองแห่งปากของท่าน  
  และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมแห่งริมฝีปากของ ท่าน  
 5ความชอบธรรมจะเป็นผ้าคาดเอวของท่าน  
 และความสัตย์สุจริตจะเป็นผ้าคาดบั้นเอวของท่าน  
 6สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ  
 และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ  
  ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน  
 และเด็กเล็กๆจะนำมันไป  
 7แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน  
 ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน  
 และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้  
 8และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า  
 และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง  
 9สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บหรือจะทำลาย  
 ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา  
 เพราะว่าแผ่นดินโลก(หรือ  แผ่นดิน)    จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า  
 ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น  
 10ในวันนั้น  รากแห่งเจสซี   ซึ่งตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายแก่ชนชาติทั้งหลาย   จะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ   และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์ 11ในวันนั้น   องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ ออกไปเป็นครั้งที่สอง   เพื่อจะได้ส่วนชนชาติของพระองค์ที่เหลืออยู่คืนมา   เป็นคนเหลือจากอัสซีเรีย  จากอียิปต์  จากปัทโรส  จากเอธิโอเปีย   จากเอลาม  จากชินาร์  จากฮามัท  และแผ่นดินชายทะเล  
 12พระองค์จะทรงยกเครื่องหมายนั้น ขึ้นให้แก่บรรดาประชาชาติ  
 และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก  
  และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย  
 จากสี่มุมแห่งแผ่นดินโลก   1:5  
 13ความริษยาของเอฟราอิมจะพรากไป  
 และบรรดาผู้ที่รบกวนยูดาห์(หรือ   บรรดาคนในยูดาห์ผู้ทำการรบกวน)  
จะถูกตัดออกไป  
  เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์  
 และยูดาห์จะไม่รบกวนเอฟราอิม  
 14แต่เขาทั้งหลายจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของคน ฟีลิสเตียทางตะวันตก  
 และเขาจะร่วมกันปล้นประชาชนทางตะวันออก  
  เขาจะยื่นมือออกต่อสู้เอโดมและโมอับ  
 และคนอัมโมนจะเชื่อฟังเขาทั้งหลาย  
 15และพระเจ้าจะทรงทำลาย  
 ลิ้นของทะเลแห่งอียิปต์เสียทีเดียว  
  และจะทรงโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้น  
 ด้วยลมลวกของพระองค์  
  และจะโจมตีมันให้เป็นร่องน้ำเจ็ดสาย  
 และคนสวมรองเท้าจะเดินข้ามไปได้  
 16และจะมีถนนหลวงจากอัสซีเรีย  
 สำหรับคนที่เหลืออยู่จากชนชาติของพระองค์  
  ดั่งที่มีอยู่สำหรับอิสราเอล  
 ครั้งเมื่อเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์


2 โครรินธ์ 12.11-21
11ข้าพเจ้าเป็นคนเขลาไปแล้วซี   ท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็น   เพราะว่าสมควรแล้วที่ท่านจะยกย่องข้าพเจ้า   เพราะว่า   ข้าพเจ้าไม่ด้อยกว่าอัครทูตชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นแต่ประการใดเลย   ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่วิเศษอะไรเลยก็จริง 12แท้จริงลักษณะของอัครทูตก็ได้สำแดงให้ประจักษ์แจ้งในหมู่พวกท่านแล้ว   ด้วยความเพียร   โดยหมายสำคัญ   โดยการอัศจรรย์และโดยการอิทธิฤทธิ์ 13เพราะพวกท่านเสียเปรียบคริสตจักรอื่นๆในข้อใดเล่า   เว้นไว้ในข้อนี้   คือที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นภาระแก่พวกท่าน   การผิดนั้นขอท่านให้อภัยแก่ข้าพเจ้าเถิด  
 14นี่แน่ะ   ข้าพเจ้าเตรียมพร้อมที่จะมาเยี่ยมพวกท่านเป็นครั้งที่สาม   และข้าพเจ้าจะไม่เป็นภาระแก่พวกท่าน   เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใดจากท่าน   แต่ต้องการตัวท่าน   เพราะว่าที่ลูกจะสะสมไว้สำหรับพ่อแม่   ก็ไม่สมควร   แต่พ่อแม่ควรสะสมไว้สำหรับลูก 15และข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะสละแรงหมดเพื่อท่านทั้งหลาย   เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้นๆ   ท่านจะกลับรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ 16บางทีท่านยอมรับว่าข้าพเจ้าเองมิได้เป็นภาระแก่พวกท่าน   แต่ท่านก็พูดว่า   ข้าพเจ้าใช้กุศโลบายเอาเปรียบท่าน 17ข้าพเจ้าได้โกงอะไรจากพวกท่านในการที่ส่งคนเหล่านั้นไปเยี่ยมพวกท่านหรือ 18ข้าพเจ้าขอให้ทิตัสไป   และพี่น้องอีกคนหนึ่งไปด้วย   ทิตัสได้โกงจากพวกท่านบ้างหรือ   เราทั้งสองมิได้ดำเนินการด้วยน้ำใจอย่างเดียวกันหรือ   เรามิได้เดินตามรอยเดียวกันหรือ  
 19ท่านคงคิดอยู่ตลอดมาว่า   เราแก้ตัวกับท่าน   ที่จริงเราพูดในพระคริสต์ดังเราอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า   และท่านที่รัก   สิ่งสารพัดที่เราได้กระทำนั้น   เรากระทำเพื่อท่านจะจำเริญขึ้น 20เพราะว่าข้าพเจ้าเกรงว่า   เมื่อข้าพเจ้ามาถึง   ข้าพเจ้าอาจจะไม่เห็นพวกท่านเป็นเหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าอยากเห็น   และท่านจะไม่เห็นข้าพเจ้าเหมือนอย่างที่ท่านอยากเห็น   คือเกรงว่าไม่เหตุใดก็เหตุหนึ่ง   จะมีการวิวาทกัน   ริษยากัน   โกรธกัน   มักใหญ่ใฝ่สูง   นินทากัน   ซุบซิบส่อเสียดกัน   จองหองพองตัวและเกะกะวุ่นวายกัน 21ข้าพเจ้าเกรงว่า   เมื่อข้าพเจ้ากลับมา   พระเจ้าจะทรงให้ข้าพเจ้าได้อายต่อหน้าท่าน   และข้าพเจ้าจะต้องเศร้าใจ   เพราะเหตุที่หลายคนได้ทำผิดมาก่อนแล้ว   และมิได้กลับใจทิ้งการโสโครก   การผิดประเวณี   และการลามก   ซึ่งเขาได้กระทำอยู่นั้น


สดุดี 56.1-13

1ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงเมตตาข้าพระองค์   เพราะคนเหยียบย่ำข้าพระองค์  
 ชนคู่อริบีบบังคับข้าพระองค์วันยังค่ำ  
 2พวกศัตรูของข้าพระองค์เหยียบย่ำ   ข้าพระองค์วันยังค่ำ  
 เพราะหลายคนต่อสู้ข้าพระองค์อย่างทะนง  
 3เมื่อข้าพระองค์กลัว  
 ข้าพระองค์วางใจในพระองค์  
 4ในพระเจ้า   ผู้ที่ข้าพระองค์สรรเสริญ   พระวจนะของพระองค์  
 ในพระเจ้า  ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว  
 เนื้อหนังจะกระทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้  
 5เขาประทุษร้ายต่อกิจการของข้าพระองค์วันยังค่ำ  
 ความคิดทั้งสิ้นของเขาล้วนมุ่งร้ายต่อข้าพระองค์  
 6เขาร่วมหัวกัน  เขาซุ่มอยู่  
 เขาเฝ้ารอยเท้าของข้าพระองค์  
 อย่างกับคนที่ซุ่มคอยเอาชีวิตข้าพระองค์  
 7ขอทรงทิ้งเขาเพราะความผิดของเขา  
 ข้าแต่พระเจ้า   ขอทรงเหวี่ยงชนชาติทั้งหลายลงมาด้วยพระพิโรธ  
 8พระองค์ทรงนับการระหกระเหินของข้าพระองค์  
 ทรงเก็บน้ำตาของข้าพระองค์ใส่ขวดของพระองค์ไว้  
 น้ำตานั้นไม่อยู่ในบัญชีของพระองค์หรือ  พระเจ้าค่ะ  
 9แล้วศัตรูของข้าพระองค์จะหันกลับ  
 ในวันที่ข้าพระองค์ร้องทูล  
 ข้าพระองค์ทราบเช่นนี้ว่า  พระเจ้าทรงสถิตฝ่ายข้าพระองค์  
 10ในพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญ   พระวจนะของพระองค์  
 ในพระเป็นเจ้า  ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญ พระวจนะของพระองค์  
 11ในพระเจ้า  ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว  
 คนจะกระทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้  
 12ข้าแต่พระเจ้า  ที่ข้าพระองค์บนบานไว้นั้น ข้าพระองค์จะแก้  
 ข้าพระองค์จะถวายบูชาโมทนาพระคุณแก่พระองค์  
 13เพราะพระองค์ทรงช่วยกู้จิตวิญญาณของข้าพระองค์จาก มัจจุราช  
 พระองค์ทรงช่วยกู้เท้าของข้าพระองค์จากการล้มมิใช่หรือ  
 เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า  
 ในความสว่างแห่งชีวิต


สุภาษิต 23.6-8

 6อย่ากินอาหารของคนที่ตระหนี่  อย่าปรารถนาของโอชะของเขา  
 7เพราะเขาเป็นเหมือนคนที่คอยนับอยู่ข้างใน   เขาพูดกับเจ้าว่า  “จงกินและดื่มเถิด” แต่ใจของเขามิได้อยู่กับเจ้า  
 8เจ้าจะต้องสำรอกอาหารซึ่งเจ้าได้กินเข้าไปนั้นและเสียถ้อยคำแช่มชื่นของเจ้าเสียเปล่าๆ  

No comments:

Post a Comment